วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

ลักษณะสำคัญ

สัตว์มีลักษณะสำคัญ ได้แก่
1. ประกอบด้วยเซลล์ประเภทยูคารีโอตเซลล์ (Eucaryotic Cell) เป็นเซลล์ที่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส มีองค์ประกอบต่าง ๆ ที่สำคัญภายในเซลล์
2. ประกอบด้วยเซลล์จำนวนหลายเซลล์ รวมกันเป็นเนื้อเยื่อ (tissue) หรือเป็นอวัยวะ (organ) ต่าง ๆ ซึ่งสามารถทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งได้
3. ไม่มีผนังเซลล์ และไม่มีคลอโรพลาสต์ ดังนั้นจึงไม่สามารถสร้างอาหารเองได้โดยขบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงจึงเรียกว่า Heterotrophic organism (Heterotroph)
4. ดำรงชีพโดยการเป็นผู้บริโภค คือ ต้องอาศัยสารอินทรีย์จากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น โดยการกิน อาจจะกินพืช กินสัตว์ หรือกินทั้งพืชและสัตว์
5. สามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว หรือเคลื่อนทีช้า หรือบางชนิดก็ไม่เคลื่อนที่เลย เช่นปะการัง,ฟองน้ำ เป็นต้น
6. สัตว์ส่วนมากจะมีระบบประสาท ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ให้ทำงานประสานกัน หรือใช้รับความรู้สึก เมื่อมีสิ่งใดมาสัมผัส จึงสามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้
7. สัตว์ส่วนมากจะมีโครงร่างแข็ง (Skeleton) เพื่อเป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อ และทำหน้าที่ปกป้องอวัยวะภายในได้ด้วย เช่น ปู กุ้ง หอย เป็นต้น
8. เนื้อเยื่อ และระบบต่าง ๆ จะซับซ้อนกว่าพืชมากและทำหน้าที่อย่างเฉพาะเจาะจง
9. หลังจากสืบพันธุ์หรือมีการปฏิสนธิเกิดขึ้นจะมีระยะตัวอ่อน (Embryo) พักหนึ่ง
เกณฑ์เฉพาะในการจำแนกสัตว์
1. พิจารณาจากรูปแบบของสมมาตร
1.1 Asymemetry ไม่สมมาตร คือไม่สามารถแบ่งร่างกายออกเป็นสองส่วนที่เหมือนกันได้ เช่น อมีบา
1.2 Bilateral symmetry คือ สามารถแบ่งร่างกายออกเป็นสองส่วนที่เท่า ๆ กันได้
1.3 Radial symmetry สมมาตรในแนวรัศมี คือ สามารถแบ่งร่างกายออกเป็นสองส่วนให้มีลักษณะเหมือนกันได้หลายแนว โดยตัดผ่านจุดศูนย์กลางตามแนวรัศมี เช่น ฟองน้ำบางชนิด แมงกะพรุน และดาวทะเล
1.4 Sperical หรือ Universal symmetry สามารถแบ่งร่างกายออกเป็นสองส่วนที่เหมือนกันได้ทุกระนาบโดยผ่านจุดศูนย์กลางเช่นกัน ได้แก่ Volvox

2. พิจารณาจากจำนวนชั้นของเนื้อเยื่อ (Germ layer)
2.1 Diploblastica จะมีเนื้อเยื่อเพียงสองชั้นคือ เนื้อเยื่อชั้นนอก(ectoderm) และเนื้อเยื่อชั้นใน(endoderm)
2.2 Triploblastica จะมีเนื้อเยื่อ สามชั้น คือ มีเนื้อเยื่อชั้นกลางเพิ่มเข้ามาคือ Mesoderm ได้แก่ สัตว์จำพวกหนอนตัวแบนขึ้นไป

3. พิจารณาจากช่องว่างภายในลำตัว (coelom)
3.1 Acoelomate animal คือสัตว์ที่ไม่มีช่องว่างภายในลำตัวเช่น หนอนตัวแบน (Phylum Platyhelminthes)
3.2 Psudocoelomate animal (Psudocoelom) คือสัตว์ที่มีช่องว่างแบบเทียม จะมีช่องว่างที่อยู่ระหว่าง เนื้อเยื่อชั้นนอกกับชั้นกลาง หรือเนื้อเยื่อชั้นกลางกับชั้นใน เช่น หนอนตัวกลม (Phylum Nemathehelminthes)
3.3 Eucoelomate animal (True coelom) คือสัตว์ที่มีช่องว่างภายในลำตัวแบบแท้ เกิดจากเนื้อเยื่อชั้นกลางแยกตัวออกไปเป็นช่อง เช่น ไส้เดือนดิน และสัตว์ชั้นสูง เป็นต้น

4. พิจารณาจากการแบ่งส่วนลำตัวเป็นข้อปล้อง (Segmentation)
4.1 Non metameric คือแบ่งเป็นข้อปล้องเฉพาะภายนอก เกิดที่ลำตัวเท่านั้น ไม่ได้เกิดตลอดทั้งตัว เช่น พยาธิตัวตืด,หนอนตัวกลม, เอคไคโนเดิร์ม และมอลลัสกา
4.2 Metameric คือแบ่งเป็นข้อปล้องอย่างแท้จริง โดยเกิดตลอดลำตัว เกิดจากเนื้อเยื่อชั้นกลาง เนื้อเยื่อชั้นอื่นจึงเกิดข้อปล้องไปด้วย เช่น ไส้เดือนดิน กุ้ง ปู และสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง

5. พิจารณาจากการมีระบบเลือด
5.1 สัตว์ที่ยังไม่มีระบบเลือด เช่น ฟองน้ำ,ซีเลนเทอเรต, หนอนตัวแบนและ หนอนตัวกลม
5.2 สัตว์ที่มีระบบเลือดแบบวงจรเปิด เช่น อาร์โทรพอด, มอลลัสก์ และปลาดาว เป็นต้น
5.3 สัตว์ที่มีระบบเลือดแบบวงจรปิด เช่น ไส้เดือนดิน และสัตว์ชั้นสูง

6. พิจารณาจากลักษณะทางเดินอาหาร
6.1 ทางเดินอาหารแบบไม่แท้จริง (Channel network) เป็นเพียงช่องว่างแบบร่างแห เป็นเพียงทางผ่านของน้ำจากภายนอกเข้าสู่ลำตัว เช่น ฟองน้ำ
6.2 ทางเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์ (Incomplete digestive tract) มีลักษณะคล้ายถุง มีช่องเปิดช่องเดียว เป็นทางเข้าและออกของอาหาร เช่นพวกซีเลนเทอเรต และหนอนตัวแบน
6.3 ทางเดินอาหารสมบูรณ์ (Complete digestive tract)เป็นท่อกลวง มีท่อเปิด 2ทาง เป็นทางเข้า และทางออกคนละทางกัน ได้แก่ หนอนตัวกลม, ไส้เดือนดิน, แมลง, มอลลัสก์, สัตว์ชั้นสูง

7. พิจารณาจากแกนพยุงร่างกาย หรือโนโตคอร์ต (Notochord) แล้วจึงกลายเป็นกระดูกสันหลังหรือไม่

8. พิจารณาจากแบบแผนการเจริญเติบโตจากตัวอ่อนว่ามี ช่องเหงือก (Gill slit) หรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น